สธ.ชี้ใช้ส้วมนั่งยองเร่งเข่าเสื่อมเร็วรณรงค์ประชาชนใช้โถชักโครก

ส้วมซึมกระทรวงสาธารณสุขเผยผลสำรวจพบครัวเรือนใช้ส้วมซึมนั่งยอง ร้อยละ 86 เป็นเหตุข้อเข่าเสื่อมเร็ว เร่งรณรงค์เปลี่ยนโถส้วมใหม่ ร้อยละ 50 ในปี 2559
          นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยในปี 2553 ประเทศไทยมีประชากรผู้สูงอายุจำนวน 7.5 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 11.3 ของประชากรทั้งหมด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากสถิติของผู้ป่วยโรคกระดูก และข้อของมูลนิธิโรคข้อ พบว่าในปี 2549 พบผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมกว่า 6 ล้านคน และเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี อย่างไรก็ตาม ในอดีตโรคข้อเข่าเสื่อมส่วนใหญ่จะพบในผู้สูงอายุ แต่ปัจจุบันกลับพบในกลุ่มที่มีอายุน้อยกว่า 45 ปี ซึ่งพบมากในผู้ชาย ส่วนผู้หญิงจะพบมากในกลุ่มอายุมากกว่า 45 ปี อีกทั้ง ยังพบทั้งชายและหญิงที่มีอายุ 75 ปีขึ้นไป จะป่วยเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมมากกว่าร้อยละ 80-90 เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยง ทั้งอ้วน อายุมาก การนั่งยองๆ หรือนั่งพับเพียบบ่อย กระทำติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี รวมไปถึงการนั่งส้วมซึม
          นพ.สุรวิทย์กล่าวว่า ผลสำรวจล่าสุดพบว่า ขณะนี้ครัวเรือนส่วนใหญ่ยังนิยมการใช้โถส้วมชนิดนั่งยองสูงถึงร้อยละ 86 มีโถส้วมชนิดนั่งราบห้อยขาเพียงร้อยละ 13 และในปี 2554 ผลการสำรวจสถานที่สาธารณะต่างๆ เช่น ห้องอาหาร ปั๊มน้ำมัน พบว่ามีส้วมแบบนั่งราข้อเข่าเสื่อมบห้อยขาแล้วร้อยละ 55 เท่านั้น การใช้โถส้วมชนิดนั่งราบห้อยขาจะลดผลกระทบต่อการเกิดข้อเข่าเสื่อม แต่การใช้ส้วมนั่งยองจะทำให้ผิวข้อเข่าเสียดสีกันมาก เพราะข้อเข่าต้องงอชิดกันมาก ทำให้ข้อเข่าเสื่อมลงไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว และการนั่งงอเข่าจะทำให้เส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงขาถูกกดทับ ทำให้เกิดอาการขาชา ขาอ่อนแรง และอาจหน้ามืด เกิดอุบัติเหตุ ทำให้เป็นอัมพาต พิการ หรือเสียชีวิตได้ ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมเข้ารักษาในแต่ละโรงพยาบาลมากกว่า 70 รายต่อปี ผู้ป่วยบางรายเสียค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดเป็นเงินจำนวนมาก และยังไม่สามารถรักษาโรคให้หายขาดได้
          นพ.สุรวิทย์กล่าวอีกว่า เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดข้อเข่าเสื่อมเร็ว ในปีนี้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้มอบให้กรมอนามัยจัดทำโครงการ "ปลดทุกข์ด้วยรอยยิ้ม โถห้อยขาเสริมสุขผู้สูงวัย พ.ศ.2556-2559" เพื่อรณรงค์และส่งเสริมให้ประชาชนไทยทุกครัวเรือน พร้อมใจกันเปลี่ยนโถส้วมจากชนิดนั่งยอง หรือที่เรียกว่าส้วมซึม หันมาใช้โถส้วมแบบนั่งราบห้อยขา หรือที่เรียกว่าส้วมชักโครกให้ได้ร้อยละ 50 ภายในปี 2559 ส่วนสถานที่สาธารณะที่ประชาชนใช้บริการเป็นประจำ 12 แห่ง ได้แก่ 1.สถานที่ท่องเที่ยว 2.ตลาด 3.ร้านอาหาร 4.สถานศึกษา 5.สถานที่ราชการ 6.โรงพยาบาลและสถานบริการสาธารณสุข 7.ศาสนสถาน 8.ห้างสรรพสินค้า 9.สถานีบริการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง 10.ส้วมริมทาง 11.สถานีขนส่ง และ 12.สวนสาธารณะ จะรณรงค์ให้ทุกแห่งปรับเปลี่ยนเป็นโถส้วมชักโครกอย่างน้อย 1 ที่ ภายในปี 2559 โดยจะเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป

หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 20/08/2555 ]

 

*ข้อความที่เป็นโฆษณาทั้งหมดใน eldercarethailand.com ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณของท่านในการตัดสินใจ กรุณารวบรวมข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจเลือก ทาง Elder Care Thailand ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของทางศูนย์ดูแลฯ ใด ๆ ทั้งสิน*

Copyright © 2011 ข้อมูล ดูแลผู้สูงอายุ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ การดูแลผู้สูงอายุ Eldercarethailand. Designed by eldercarethailand