รู้จักตับอักเสบบีแพร่ง่ายภัยเงียบก่อนจะสาย

 แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคตับ โรงพยาบาลชลบุรี ชี้ไวรัสตับอักเสบบีเป็นหนึ่งในปัญหาด้านสาธารณสุขที่ต้องรีบแก้ไข จึงเชิญชวนชาวชลบุรีและจังหวัดใกล้เคียงเร่งตรวจคัดกรองรักษาอย่างถูกวิธี ก่อนเรื้อรังไปสู่มะเร็งตับ โดยเฉพาะผู้ที่เกิดก่อนปี 2535 ที่มีโอกาสเสี่ยงเนื่องจากเป็นปีก่อนที่จะมีวัคซีนป้องกัน
         
โครงการ "หยุดไวรัสตับอักเสบบี ต้านภัยมะเร็งตับ..เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา" เกิดจากความร่วมมือของสมาคมโรคตับแห่งประเทศไทย และมูลนิธิโรคตับ เป็นกิจกรรมรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงอันตราย รู้วิธีรักษา รู้วิธีป้องกันและการรักษาอย่างถูกต้อง เนื่องจากเป็นภัยเงียบคุกคามคนไทยกว่า3.5 ล้านคน โดยโครงการได้จัดให้มีการคัดกรองไวรัสตับอักเสบบี 8,400 รายทั่วประเทศ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล พร้อมจัดสัมมนาวิชาการแก่บุคลากรทางการแพทย์ในทุกภูมิภาคโดยไม่เสียค่าใช้ จ่าย ภาคเหนือที่เชียงใหม่ ภาคใต้ที่หาดใหญ่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ขอนแก่น ภาคกลางที่ชลบุรี
          ทั้งนี้ กิจกรรมภาคกลางซึ่งจัดที่ห้องประชุมเฉลิมราชสมบัติ ชั้น 9 รพ.ชลบุรี จ.ชลบุรี เมื่อวันที่20 ก.ค.ที่ผ่านมา มีผู้สนใจคัดกรองกว่า 400 ราย ส่วนการจัดประชุมทางวิชาการได้รับเกียรติจากวิทยากร ประกอบด้วย ศ.นพ.พิสิฐ ตั้งกิจวานิชย์ ภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, นพ.คมสันต์ เลิศคูพินิจ รอง หน.หน่วยทางเดินอาหาร รพ.ชลบุรี, พญ.สุมนา นพรัตน์ หน.หน่วยทางเดินอาหาร รพ.ชลบุรี, อ.เทพนิมิตร จุแดง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, พ.ท.(หญิง) ดร.วาสนา นัยพัฒน์ วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก
          นพ.คมสันต์กล่าวโดยสรุปว่า แม้ปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนป้องกันตั้งแต่เด็กวัยแรกคลอดแล้ว แต่จำนวนผู้ป่วยก็ยังมีจำนวนสูง ปัญหาสำคัญก็คือคนไทยส่วนใหญ่ไม่ใส่ใจป้องกัน เนื่องจากเห็นว่าเป็นโรคที่ไม่อันตราย เนื่องจากโรคนี้เป็นภัยเงียบไม่มีอาการแสดง ทั้งที่ความจริงแล้วติดต่อกันง่ายหลายทาง ทั้งทางเลือด เพศสัมพันธ์ ใช้อุปกรณ์เปื้อนเลือดร่วมกัน ไวรัสที่ติดอยู่ตามอุปกรณ์ต่างๆ มีชีวิตอยู่ได้ถึง 7 วันกว่าเชื้อจะตาย จึงไม่สามารถรู้ว่าได้รับเชื้อมาเมื่อไหร่เพราะโรคจะไม่แสดงจนกว่าจะรุนแรง สู่มะเร็งตับและตับวาย ตับแข็ง และยังมีการติดเชื้อในกลุ่มเด็กด้วยกันที่อยู่ตามเนิร์สเซอรี่ด้วย
          ด้าน พญ.สุมนา นพรัตน์ กล่าวว่า แถบภาคตะวันออกอัตราการระบาดของโรคไวรัสตับอักเสบบีใกล้เคียงกับโรคเอชไอวี เนื่องจากติดต่อได้ทางเลือดและเพศสัมพันธ์ ต้องยอมรับว่าประชาชนส่วนหนึ่งไม่นิยมใช้ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ทำให้ ป้องกันโรคได้ยาก อีกทั้งสถานบันเทิงต่างๆ มีมากขึ้นยิ่งทำให้การแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากแรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้ผ่านการตรวจโรค การฉีดวัคซีนตั้งแต่แรกคลอด การสวมถุงยางอนามัย งดใช้ของมีคมร่วมกับคนอื่นจะช่วยลดปัญหาได้กรณีได้รับเชื้อแล้วต้องรักษา อย่างต่อเนื่องหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และยาสมุนไพรบางชนิด
          ทั้งนี้ กลุ่มผู้ป่วยส่วนใหญ่จะอยู่ในวัย 30-40 ปี ซึ่งเป็นวัยของผู้บริหาร จึงอยากให้หน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องและคนไทยทุกคนตระหนักถึงความสำคัญ ในการป้องกันและรักษาก่อนที่จะสายเกินไป.

ที่มา:ไทยโพสต์ [ วันที่ 27/08/2555 ]

*ข้อความที่เป็นโฆษณาทั้งหมดใน eldercarethailand.com ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณของท่านในการตัดสินใจ กรุณารวบรวมข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจเลือก ทาง Elder Care Thailand ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของทางศูนย์ดูแลฯ ใด ๆ ทั้งสิน*

Copyright © 2011 ข้อมูล ดูแลผู้สูงอายุ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ การดูแลผู้สูงอายุ Eldercarethailand. Designed by eldercarethailand