เรียนรู้คุณค่าเห็ดทางการแพทย์ เพื่อการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันจากธรรมชาติ
เห็ดกับคนไทยเป็นของคู่กันมายาวนานตั้งแต่สมัยคุณปู่คุณย่า และปัจจุบันเห็ดยังได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่ผู้บริโภคทั่วไป และผู้ที่รับประทานมังสวิรัติหรือเจ เพราะนอกจากเห็ดจะมีรสชาติอร่อย และมีคุณค่าทางโภชนาการสูงแล้ว ยังมีให้เลือกมากมายไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนูแทนเนื้อสัตว์ได้ และยังมีคุณประโยชน์ต่างๆ ต่อสุขภาพอีกด้วย
แต่คนไทยส่วนใหญ่อาจจะคุ้นเคยกับบทบาทของเห็ดในแง่ของการเป็นอาหารจาน อร่อยเท่านั้น แต่บทบาทของเห็ดในทางการแพทย์ ยังเป็นสิ่งใหม่ที่คนไทยจะต้องเรียนรู้
รศ.ดร.สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ คณะการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า จริงๆ แล้วนอกจากการใช้เห็ดเป็นอาหารแล้ว ยังมีการใช้เห็ดเพื่อส่งเสริมสุขภาพและรักษาโรคอีกด้วย มีการบันทึกว่ามีใช้ในตำราแพทย์ของจีนตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น ปัจจุบันแม้ว่าการแพทย์ฝั่งตะวันตกจะแพร่หลายไปทั่วโลก แต่การแพทย์แผนจีนก็ยังคงสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา มีผลการวิจัยถึงประสิทธิภาพของเห็ดทางการแพทย์ในประเทศญี่ปุ่น จีน และเกาหลีจำนวนมาก ส่งผลให้เห็ดทางการแพทย์มีการใช้เพื่อส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันและรักษาโรคมากยิ่งขึ้น
เห็ดทางการแพทย์ (Medicinal Mushrooms) เป็นเห็ดที่นอกจากจะให้คุณค่าทางโภชนาการแล้ว ยังมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและปลอดภัย เช่น เบต้ากลูแคน โพลีแซ็คคาไรด์ ไกลโคโปรตีน เลคติน และเทอร์ปีนอยด์ 3 ซึ่งกลุ่มของสารประกอบที่สกัดได้จากเห็ดทางการแพทย์ถูกเชื่อว่าให้ผลในการ รักษาโรคได้หลายกลุ่มอาการ ได้แก่ หอบหืดที่เกิดจากภูมิแพ้ โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง การอักเสบต่างๆ ในร่างกาย โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคผนังหลอดเลือดแข็งตัว ระดับน้ำตาลในเลือดสูง การติดเชื้อ ระบบภูมิคุ้มกันทำงานบกพร่อง เป็นต้น
ด้วยประสิทธิภาพในการรักษาโรคหลายกลุ่มอาการ ทำให้นักวิทยาศาสตร์สนใจและทำการศึกษาค้นคว้ามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการนำมาใช้ในผู้ป่วยที่มีระบบการทำงานของภูมิคุ้มกันผิดปกติ ในที่สุดพบว่า สารประกอบในกลุ่มโพลีแซ็คคาไรด์ที่สกัดได้จากเห็ด มีส่วนช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
โดยทั่วไประบบภูมิคุ้มกันมีกลไกการทำงานที่ซับซ้อนและเกี่ยวเนื่องกับสาร เคมีหลายชนิด รวมทั้งเซลล์เม็ดเลือดขาวก็ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำหน้าที่หลักในระบบ ภูมิคุ้มกัน ซึ่งสารที่มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่พบในเห็ดทางการแพทย์ มีการยืนยันด้วยรายงานการศึกษาทางวิชาการที่ตีพิมพ์จำนวนมาก รวมทั้งวารสารเห็ดทางการแพทย์นานาชาติ (International Journal of Medicinal Mushroom) ว่ามีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว เพื่อปรับสมดุลการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้ได้ประสิทธิภาพที่เหมาะสมกับ การต่อต้านเชื้อโรคและเซลล์มะเร็ง เปรียบได้กับการ “ยกระดับภูมิคุ้มกัน” ให้กับร่างกาย และนอกจากนี้ยังมีบางชนิดที่มีประวัติการใช้ในศาสตร์การแพทย์แผนจีนในการ บำรุงตับ และรักษาโรคตับอักเสบและโรคตับแข็งด้วย
จากผลการศึกษาถึงฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของเห็ดทางการแพทย์ที่ส่งผลต่อ ร่างกาย ทำให้เห็ดทางการแพทย์หลายชนิดถูกนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ส่งเสริมสุขภาพและ ใช้เป็นตัวยาในการรักษาโรค ได้แก่ เห็ดยามาบูชิตาเกะ (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Hericium erinaceus) นอกจากนี้ยังมี เห็ดไมตาเกะ (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Grifola frondosa) เห็ดหลินจือ (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Ganoderma lucidum) เห็ดชิตาเกะ (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Lentinula edodes) ถั่งเฉ้า (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Cordycep sinensis) เห็ดแครง (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Schizophyllum Commune) เป็นต้น การใช้ในรูบแบบของผลิตภัณฑ์สกัดเข้มข้นจะช่วยให้ได้รับปริมาณของสารออกฤทธิ์ ทางชีวภาพที่มากกว่าการกินจากเห็ดสด หรือการเตรียมเอง
สำหรับเห็ดยามาบูชิตาเกะ หรือเห็ดปุยฝ้าย นั้น สามารถพบได้บริเวณทางซีกโลกเหนือ เช่น ยุโรป และเอเชียตะวันออก ในประเทศญี่ปุ่น โดยทั่วไปมีขนาดประมาณ 5-20 เซนติเมตร มีสีขาว ลักษณะคล้ายเส้นไหมยาว โดยมักพบเกาะอยู่ตามบริเวณต้นไม้ยืนต้น เช่น โอ๊ค หรือวอลนัท ในสมัยโบราณเห็ดยามาบูชิตาเกะนี้ถูกนำไปเข้าตำรับยาในการรักษาโรคของระบบทาง เดินอาหาร เช่น แผลในกระเพาะอาหาร เป็นต้น ปัจจุบันมีงานวิจัยทางการแพทย์มากมายที่เปิดเผยคุณประโยชน์จากธรรมชาติของ สารสกัดจากเห็ดยามาบูชิตาเกะนี้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบการทำงานของร่างกายและการช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ ในเรื่องของการวิจัยของเห็ดยามาบูชิตาเกะนี้ที่เกี่ยวข้องกับระบบ ภูมิคุ้มกันมีอยู่ค่อนข้างมาก เช่น การค้นพบของนักวิทยาศาสตร์ Xu และคณะ ในปี 1994 จากประเทศจีน พบว่าสารสกัดจากเห็ดยามาบูชิตาเกะช่วยกระตุ้นและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ของเม็ดเลือดขาวชนิด B และ T ลิมโฟไซต์ นอกจากนี้ยังส่งผลต่อการเพิ่มระดับของ เซลล์ CD4 และเม็ดเลือดขาวชนิดแมคโครฟาจซึ่งช่วยในการจับกินเชื้อโรคอีกด้วย รวมถึงการศึกษาของ Ito และคณะ ในปี 1999 พบว่า สารโพลิแซ็คคาไรด์ที่สกัดได้จากเห็ดยามาบูชิตาเกะ มีส่วนช่วยในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้อย่างมีนัยสำคัญ
ดังนั้นในช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนอาจทำให้ความสามารถในการดักจับเชื้อโรคของเม็ดเลือดขาวลดลง เห็ดทางการแพทย์จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ สำหรับคนที่ห่วงใยสุขภาพ แต่การมีสุขภาพที่ดีต้องการรับประทานอาหารให้หลากหลาย ครบทุกหมวดหมู่ หลีกเลี่ยงจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำจิตใจให้แจ่มใส และพักผ่อนอย่างเพียงพออยู่เสมอ